วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำบอกเล่าจาก เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา

     กรวิกา ก้อนแก้ว หรือ พี่เก่ง เจ้าหน้าที่โครงการโรงพยาบาลมีสุข มูลนิธิกระจกเงาเล่าให้เราฟังถึงตอนที่รู้จักมูลนิธิกระจกเงาครั้งแรกว่า ได้ยินชื่อมูลนิธิกระจกเงามาตั้งแต่ม.4 เพราะตอนนั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียนในตัวจังหวัดเชียงราย ชื่อโครงการที่รู้จักโครงการแรกเลยคือ โครงการครูบ้านนอก ที่เชียงราย ตอนนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะเป็นครูบ้านนอกแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรจนเงียบหายไป มารู้จักมูลนิธิกระจกเงาอีกทีตอนที่พี่เจี๊ยบหัวหน้าโครงการ NGOs cyber มาฝึกงาน ช่วงที่ฝึกงานพี่เจี๊ยบฝึกในโครงการไอทีอยู่ที่สำนักงานเชียงราย แล้วพี่เจี๊ยบก็ได้เป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนั้นมีตำแหน่งงานว่างอยู่เป็นตำแน่งการเงินของสำนักงานกรุงเทพ พี่เจี๊ยบก็ได้ไปประกาศบนเว็ปของรุ่นว่ามีใครสนใจไหม พี่ก็เลยมาสมัครในตำแหน่งการเงินแล้วก็เริ่มงานตั้งแต่ตอนนั้นมา เมื่อพูดถึงตำแหน่งหน้างานในปัจจุบัน พี่เก่งเล่าให้ฟังว่า ตนทำอยู่ในส่วนของโครงการโรงพยาบาลมีสุขมาได้ประมาณ 9 ปีแล้ว ในตัวโครงการโรงพยาบาลมีสุขจะเป็นงานที่ทำเกี่ยวกับอาสาสมัคร คือหมายถึงการระดมอาสาสมัครเข้าไปเพิ่มความ สุขลดความทุกข์ให้กับผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาล ในส่วนของพี่ก็จะทำตั้งแต่กระบวนการคิดว่าจะยังไงให้เด็กมีความสุขเเล้วเมื่อเด็กมีความสุขมันก็จะส่งผลโดยอ้อมไปยังผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ยังไง ซึ่งก่อนที่จะทำโครงการโรงพยาบาลมีสุข ตัวพี่เก่งเองก็ต้องเข้าไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเก็บข้อมูล ช่วงแรกๆที่ทำโครงการมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะด้วยความที่เราเป็น NGO เขาก็จะกลัวว่าเราไปหาผลประโยชน์กับเด็กป่วยหรือเปล่า ทางเราเองก็ต้องพิสูจน์ไปเรื่อยๆ และทำให้สม่ำเสมอ พยายามคิดค้นกิจกรรมใหม่ๆที่จะสามารถช่วยได้จริงๆ เพราะเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจในโรงพยาบาลมันมีความต้องการสูงเพราะมันเป็นพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง การลงพื้นที่แต่ละครั้งเราก็ต้องมีไหวพริบ คอยสังเกตว่าเด็กแต่ละคนขาดหรือต้องการอะไรเราก็ต้องวิเคราะห์ เมื่อวิเคราะห์ได้เราก็ต้องกลับมาออกแบบกิจกรรมว่ากิจกรรมควรจะเป็นแบบไหน
      ฝากข้อคิดถึงอาสาสมัคร
พี่คิดว่าอาสาสมัครเป็นงานของผู้ที่มาให้ เมื่อก่อนพี่ก็คิดแบบนี้ แต่จริงๆคือเราได้รับด้วยนะ คือเราได้เรียนรู้ชีวิตคน เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ผ่านชีวิตคนเพราะว่าในโรงพยาบาลมีตั้งแต่คนจนยันคนรวยแต่พอเจ็บป่วยมาทุกคนก็เหมือนกันหมด มีความต้องการเหมือนกันหมด คือต้องการกำลังใจ ต้องการเพื่อน ต้องการความห่วงใย ซึ่งในโรงพยาบาลเองก็ยังมีคนมาเป็นอาสามัครน้อยก็อยากให้คนมาทำในส่วนนี้เยอะๆเอาทักษะของเราที่เราถนัดมาช่วยผลักดันงานตรงนี้ การที่พี่ได้มาทำงานตรงนี้พี่คิดว่าเรามองชีวิตตัวเองละเอียดขึ้นนะ มีความเข้าใจคนมากขึ้นว่า ทำไมเขาต้องโวยวาย ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ แต่พอได้ไปอยู่ตรงนั้นมันทำให้เราเข้าใจว่า ทุกอย่างมันมีที่มานะ คนจะแสดงพฤติกรรมแบบนั้นได้มันมีที่มาที่ไปหมด ต้องรู้จักเข้าใจความทุกข์และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้






โดย น.ส.อมรรัตน์  เงินสูงเนิน
นักศึกษาฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา


ไม่มีความคิดเห็น: