น.ส.อาภาพร สุวรรณะ หรือ แอ๋น นักศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์
สาขา การพัฒนาสังคม ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
เล่าให้ฟังถึงเหตุผลของการมาฝึกงานที่มูลนิธิกระจกเงาว่า
เธอรู้จักและได้ยินชื่อมูลนิธิกระจกเงามานานแล้วตั้งแต่เรียนมัธยม
เพราะเป็นองค์กรที่ทำเกี่ยวกับเรื่องเด็กหาย เรื่องสังคม
ก็ค่อนข้างตรงกับสายที่ตนเรียนมาคือ สายพัฒนาสังคม คิดว่าน่าจะได้ประสบการณ์เยอะ
ส่วนหนึ่งก็เป็นความฝันด้วยว่าต้องมาที่นี่ให้ได้
ถึงจะไกลแค่ไหนก็อยากมาเพราะมันเป็นความฝันของเรา
แอ๋นได้เล่าเกี่ยวกับหน้างานที่เธอได้ทำคือ โครงการอาสามาเยี่ยมให้เราฟังว่า
ตอนแรกก่อนที่จะมาฝึกงานโครงการอาสามาเยี่ยมไม่ได้อยู่ในลิสที่เราจะเลือกเลย
แต่พอมาฝึกงานจริงๆก็ปรึกษากับพี่สุกี้ว่าจะฝึกโครงการไหนที่จะตรงกับสายที่เรียนมาโดยตรง
ตอนนั้นมีให้เลือกอยู่สองโครงการคือ โครงการโรงพยาบาลมีสุขและโครงการอาสามาเยี่ยม
เธอก็ตัดสินใจเลือกโครงการอาสามาเยี่ยมเพราะคิดว่าน่าจะได้ลงพื้นที่บ่อยและตรงกับสายที่เธอเรียนมาที่สุด
เธอเล่าให้ฟังต่อว่า ฝึกในโครงการอาสามาเยี่ยม รู้สึกประทับใจกับทุกเคสที่ไป
แต่จะมีอยู่เคสนึงที่ประทับใจมากคือเคสของ คุณย่าอารมณ์ดีที่ดูแลลูกชายที่นอนป่วยอยู่
เวลาไปลงพื้นที่แกจะอารมณ์ดีมากจะมีมุกตลกเสมอ
และตอนที่ไปลงพื้นที่แกก็จะมีของดีให้เป็นธงชัยอันเล็กๆเป็นของมงคลเอามาให้เรา
แอ๋นบอกกับเราว่า แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดเวลาไปลงพื้นที่คือ “รอยยิ้ม”
รอยยิ้มของพวกเขาเป็นเหมือนพลังไฟที่คอยชาร์ตใจเราให้สู้ต่อ...
เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้มาฝึกงานที่นี่
แอ๋นได้เล่าว่า ตอนแรกที่มาฝึกงานคือกังวลเรื่องเพื่อนมาก
เพราะมากับเพื่อนแค่สองคนกลัวว่าจะเข้ากับใครไม่ได้
แล้วก็กังวลเรื่องหัวหน้าโครงการก็กลัวว่าจะเข้ากับเขาไม่ได้ แต่พอมาจริงๆ
คือเล่นกันแบบเป็นพี่เป็นน้อง มันก็เลยทำให้เรามีความสุขในเรื่องของการทำงานด้วย
มีความรู้สึกว่า ที่นี่ไม่เหมือนที่ฝึกงานแต่เป็นเหมือนโรงเรียนแห่งหนึ่ง
เพื่อนที่มาฝึกงานก็เป็นเหมือนเพื่อนใหม่ของเรา มันเหมือนเป็นคลาสคลาสหนึ่ง
อาจเป็นเพราะมีเด็กฝึกงานเยอะด้วย เราก็เลยรู้สึกอย่างนั้น ที่นี่มีมากกว่าความสนุกบางทีเราได้ประสบการณ์ได้แนวคิดต่างๆกลับไปด้วย
ข้อความที่อยากฝากถึงรุ่นน้อง
โดย น.ส.อมรรัตน์ เงินสูงเนิน
นักศึกษาฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น