วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

กีฬาสีกระจกเงา 2557

"บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้าม ถอยไปฉันคงเก้อ ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน" 
กีฬาขอบคุณกองกำลัง นักศึกษาฝึกงาน 103 คน จากหลายสถาบันการศึกษา ที่มาร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมกับเราในเทอมนี้ครับ พวกเขาเบื้องหลัง กองหนุน กองเสริม กองหน้า ในภารกิจงานของเรา พวกเขาคือส่วนหนึ่งของ มูลนิธิกระจกเงาครับ












 นักศึกษาฝึกงานมูลนิธิกระจกเงา

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา

มันเป็นความเหงาเศร้าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก พ่อนั่งมองควันจากปลายเมรุล่องลอยไปบนฟ้ามองลูกที่กำลังไปอยู่บนนั่น มองความหลังที่เจ็บปวด มันเป็นความเศร้าเพียงลำพัง เหมือนวันแรกที่เขาออกตามหาลูกหลังจากตำรวจกลับไปแล้วในวันแรกที่เขาไปแจ้งความลูกหาย เขาปั่นจักรยานเก่าๆ ออกตามหาลูกตามลำพัง จนไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ชาวบ้านย่านนั้นสงสารรีบพาเขากลับไปโรงพัก เพื่อแจ้งความและตามเรื่องอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาช่วยตามหาลูก ชาวบ้านไม่ยอมแพ้ โทรมาแจ้งที่มูลนิธิกระจกเงา หลังจากนั้นตำรวจหลายหน่วยและนักข่าวเริ่มช่วยกันติดตามหา ตอนผมคุยกับตำรวจระดับผู้ใหญ่ ไม่มีใครทราบว่ามีเด็กหายเคสนี้เลย -- ผมก็เจ็บปวด ผมจำได้ว่า เคยมีข่าวว่าถ้าเด็กหายต้องรายงานด่วนไปยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องรายงานไปศูนย์คนหายของตำรวจ แสดงว่ามันไม่มีอยู่จริง หรือชีวิตของเด็กต่างด้าวมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป กล้องทีวี กล้องถ่ายภาพมากันล้นหลาม ในวันที่เอาสุนัขมาดมหาศพน้องในพื้นที่ มันเป็นการตรวจค้นที่ไม่ละเอียดเลย และไม่พบอะไรในครั้งแรก จากนั้นเหลือกล้องไม่กี่ตัวที่ยังตั้งคำถามและช่วยติดตามน้องอยู่ -- ผมสงสัยว่าถ้าไม่พบศพอันเป็นข่าวการตาย การติดตามหาเด็กที่กำลังหายอยู่จะสามารถเป็นข่าวได้มั้ย ? ผมเขียนข้อสังเกตุ เกือบสิบข้อ ไปถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เรื่องการค้นหาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าข้อเสนอนั้น ไม่ได้รับการตอบกลับ จนผมประสานไปยังตำรวจหน่วยงานหนึ่ง แล้วออกติดตามค้นหากันในพื้นที่กันอีกครั้ง สุดท้าย ศพน้องถูกอำพรางอยู่ในพื้นที่ ตอนนี้มีเพียงผู้สงสัย และไม่มีใครรับสารภาพ คนร้ายยังลอยนวล ตอนเหตุการณ์เด็กหายเสียชีวิตถึง 3 รายเมื่อปีที่แล้ว มีแต่คนบอกว่าขอให้เป็นรายสุดท้าย เหมือนเรื่องนี้เป็นวาระที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญ --- สุดท้ายพ่อแม่เด็กหายก็เดียวดายอยู่ดีเดียวดายในจุดเริ่มต้นและวาระสุดท้าย เป็นงานศพที่เงียบเหงาเดียวดายที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็น. 


วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

ความรู้สึกของ นศ.ฝึกงาน


          ฉันได้ไปลงพื้นที่กับโครงการผู้ป่วยข้างถนน เคสที่ได้ไปให้การช่วยเหลือนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน เธอชื่อแคท อายุประมาณ 30 ปี โรคสะเก็ดเงินกำเริบหนักขึ้น จนทำให้เธอเป็นอัมพฤกษ์ช่วงล่าง ช่วยเหลือตัวเองได้เพียงแค่หยิบจับสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว นอกจากที่เธอจะโดนโรคสะเก็ดเงินทำร้ายร่างกาย และแผลกดทับที่ทำให้เธอขยับตัวในแต่ละครั้งด้วยความเจ็บปวด เธอยังโดนทำร้ายทางใจ คือการถูกคนที่รักทอดทิ้ง โดยนำเธอมาทิ้งไว้ที่บ้านของคนที่อุปการะเธอตั้งแต่เด็กๆ เธอถูกแฟนทิ้งได้สามเดือนแล้ว และเป็นสามเดือนที่เธอต้องทนทุกข์อยู่กับโรค เธอเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก ผู้อุปการะเธอเลี้ยงดูเธอตามยถากรรม เธอร้องไห้ทุกครั้งที่เล่าเรื่องราวชีวิตของเธอที่ผ่านมา


          เมื่อเราเดินทางมาถึงก็พบเธอนอนอยู่บนเตียงกับร่างอันผอมบาง รอบๆเตียงและบนที่นอนมีแต่สะเก็ดผิวหนังที่หลุดลอก และถ้วยชามทั้งเก่าและใหม่วางทิ้งเอาไว้ เมื่อเธอเห็นพวกเรามาถึง เธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เธอบอกว่าในตอนแรกเธอหมดสิ้นกำลังใจแล้ว แต่เธอก็ยังมีความหวังว่ามูลนิธิกระจกเงา จะเข้ามาช่วยเหลือเธอ สีหน้าที่เบิกบาน และรอยยิ้มของเธอแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

          ฉันเข้าไปพูดคุยพูดเล่นกับเธอ ทุกครั้งที่เธอยิ้มและหัวเราะ มันทำให้ฉันต้องยิ้มตาม เธอเป็นคนสวย และมีรอยยิ้มที่สวยงาม ฉันได้แต่คิดในใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับเธอเลย ฉันรู้สึกว่าการที่เราได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้เธอนั้น ในทางกลับกันรอยยิ้มของเธอก็เป็นกำลังใจให้กับฉันและพี่ๆทุกคน ให้มีแรงใจในการทำงานต่อไป มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ การมาช่วยเหลือผู้ป่วยในเคสนี้แล้วนอกจากคำขอบคุณที่เธอมอบให้แก่พวกเราแล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณที่เธอมอบรอยยิ้มแห่งความสุขนั้นส่งกลับมา ทำให้พวกเรามีกำลังใจในการทำงาน และลืมความเหนื่อยล้าไปได้เลย



อรอนงค์ พิริยะวณิชย์
นิสิตชั้นปีที่3 นิเทศศาสตร์ ประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยบูรพา
นศ.ฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

ความรู้สึกของ นศ.ฝึกงาน

          ในการลงพื้นแต่ละครั้ง สิ่งที่ได้รับกับมาในแต่ละครั้งมันมีความหมายมาก บางเรื่องสอนให้เราเข้มแข็ง บางเรื่องทำให้เรามีกำลังใจในการทำอะไรหลายๆอย่างให้ประสบความสำเร็จ

          และในครั้งนี้ก็เช่นกัน กับรักแท้ของคุณตาและคุณยาย ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากว่า 60 ปี ช่วงหลายปีมานี้ที่คุณยายความจำไม่ดีเหมือนเช่นเดิม คุณตา ก็ใช้ชีวิตดูแลคุณยายอย่างไม่ห่างกายมาโดยตลอด
          "ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย" คุณตาเล่าไปหัวเราะไป ทำให้เราเห็นถึงความรักที่คุณตามีให้คุณยาย ทุกๆ มื้ออาหารคุณตาจะป้อนข้าวให้คุณยายกินก่อนทุกครั้ง คุณตาบอกว่าถ้าไม่ป้อนยายก็ไม่กิน

          เมื่อหันไปเห็นจานข้าวคุณตา เราก็ถามคุณตาว่า ทำไมคุณตาถึงยังไม่กินข้าว คุณตาตอบกลับมาว่า รอให้เขาอิ่มก่อนแล้วเราค่อยกินทีหลัง
ความรักที่คุณตามีให้คุณยายช่วยสอนให้เราเข้าใจอะไรในหลายๆอย่าง ความรักและกำลังใจที่มีจากคุณยายทำให้คุณตาเข้มแข็ง และอยากที่จะอยู่เพื่อดูแลคุณยายตลอดไป

          นอกจากอาหารและอากาศ ความรัก และกำลังใจ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ สามารถช่วยให้คนๆหนึ่งมีกำลังใจและแรงผลักดันที่จะสู้กับเรื่องราวร้ายต่างๆ ได้




เหมวรรณ มงคล นิสิตภาควิชานิเทศศาสตร์ ม.บูรพา
นศ.ฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

มูลนิธิกระจกเงา รับบริจาคแสตมป์

โครงการ  “อ่านสร้างชาติ”  มูลนิธิกระจกเงา  ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในภารกิจของการส่งเสริมการอ่าน  ด้วยการเปิดรับบริจาคหนังสือดีเพื่อกระจายส่งมอบต่อไปยังห้องสมุดของโรงเรียนขนาดเล็ก  และชุมชนที่ขาดแคลน ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด  เราได้รับความร่วมแรงร่วมใจ จากผู้บริจาคหนังสือดี และ อาสาสมัคร ช่วยกันบริหารจัดการหนังสือผ่านกิจกรรม อาสาสมัคร คัด- คีย์- แพ็ค 

ในขั้นตอนของการส่งมอบหนังสือเราใช้วิธีจัดส่งทางพัสดุติดแสตมป์ส่งทางไปรษณีย์ซึ่งขั้นตอนนี้มีความจำเป็นต้องใช้แสตมป์ในการจัดส่งหนังสือครับ จึงขอประชาสัมพันธ์ในส่วนของการร่วมบริจาคสามารถร่วมบริจาคแสตมป์  ดวงละ 3,5,10 บาท  ส่งเสริมการอ่านให้กับเยาวชน  เด็ก และผู้ใหญ่  ได้มีโอกาสเข้าถึงหนังสือดีครับ  เพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างกว้างขวาง  #อ่านเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ที่อยู่ในการจัดส่งทาง ไปรษณีย์   มูลนิธิกระจกเงา (บริจาคแสตมป์เลขที่ 191 ซอยวิภาวดี62 แยก4-7  ถนน วิภาวดีรังสิต แขวตลาดบางเขน  เขตหลักสี่ กทม.10210