มันเป็นความเหงาเศร้าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก พ่อนั่งมองควันจากปลายเมรุล่องลอยไปบนฟ้ามองลูกที่กำลังไปอยู่บนนั่น มองความหลังที่เจ็บปวด มันเป็นความเศร้าเพียงลำพัง เหมือนวันแรกที่เขาออกตามหาลูกหลังจากตำรวจกลับไปแล้วในวันแรกที่เขาไปแจ้งความลูกหาย เขาปั่นจักรยานเก่าๆ ออกตามหาลูกตามลำพัง จนไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ชาวบ้านย่านนั้นสงสารรีบพาเขากลับไปโรงพัก เพื่อแจ้งความและตามเรื่องอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาช่วยตามหาลูก ชาวบ้านไม่ยอมแพ้ โทรมาแจ้งที่มูลนิธิกระจกเงา หลังจากนั้นตำรวจหลายหน่วยและนักข่าวเริ่มช่วยกันติดตามหา ตอนผมคุยกับตำรวจระดับผู้ใหญ่ ไม่มีใครทราบว่ามีเด็กหายเคสนี้เลย -- ผมก็เจ็บปวด ผมจำได้ว่า เคยมีข่าวว่าถ้าเด็กหายต้องรายงานด่วนไปยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องรายงานไปศูนย์คนหายของตำรวจ แสดงว่ามันไม่มีอยู่จริง หรือชีวิตของเด็กต่างด้าวมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป กล้องทีวี กล้องถ่ายภาพมากันล้นหลาม ในวันที่เอาสุนัขมาดมหาศพน้องในพื้นที่ มันเป็นการตรวจค้นที่ไม่ละเอียดเลย และไม่พบอะไรในครั้งแรก จากนั้นเหลือกล้องไม่กี่ตัวที่ยังตั้งคำถามและช่วยติดตามน้องอยู่ -- ผมสงสัยว่าถ้าไม่พบศพอันเป็นข่าวการตาย การติดตามหาเด็กที่กำลังหายอยู่จะสามารถเป็นข่าวได้มั้ย ? ผมเขียนข้อสังเกตุ เกือบสิบข้อ ไปถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เรื่องการค้นหาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าข้อเสนอนั้น ไม่ได้รับการตอบกลับ จนผมประสานไปยังตำรวจหน่วยงานหนึ่ง แล้วออกติดตามค้นหากันในพื้นที่กันอีกครั้ง สุดท้าย ศพน้องถูกอำพรางอยู่ในพื้นที่ ตอนนี้มีเพียงผู้สงสัย และไม่มีใครรับสารภาพ คนร้ายยังลอยนวล ตอนเหตุการณ์เด็กหายเสียชีวิตถึง 3 รายเมื่อปีที่แล้ว มีแต่คนบอกว่าขอให้เป็นรายสุดท้าย เหมือนเรื่องนี้เป็นวาระที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญ --- สุดท้ายพ่อแม่เด็กหายก็เดียวดายอยู่ดีเดียวดายในจุดเริ่มต้นและวาระสุดท้าย เป็นงานศพที่เงียบเหงาเดียวดายที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น