วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำบอกเล่าจาก นศ.ฝึกงาน

          นางสาวถิรนันท์ ช่วยมิ่ง หรือกุ๊งกิ๊ง นักศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกจิตวิทยามหาวิทยาลัยบูรพา นักศึกษาอีกหนึ่งคนที่เลือกมาฝึกงานที่มูลนิธิกระจกเงา เธอบอกถึงเหตุผลที่มาฝึกงานที่นี่ว่า ได้ฟังการนำเสนอจากรุ่นพี่ แล้วรู้สึกประทับใจ เพราะจะได้ลงพื้นที่ ได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ที่มากกว่าการทำงานในออฟฟิศ เธอเล่าให้เราฟังว่า ได้ทำในส่วนหน้างานของโครงการผู้ป่วยข้างถนน งานหลักๆที่ทำก็จะเป็นการลงพื้นที่พบผู้ป่วยและนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ก็จะมีการพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อขอทราบประวัติและเกลี้ยกล่อมให้ผู้ป่วยเข้ารักษาตัว อีกหน้าที่หนึ่งก็จะเป็นการไปเยี่ยมผู้ป่วยที่สถานสงเคราะห์ต่างๆ 
               กุ๊งกิ๊งบอกต่อว่า เคสที่ได้ไปลงพื้นที่แล้วรู้สึกประทับใจก็คือเคสแรกเลย เพราะมาฝึกงานวันแรกก็ได้ลงพื้นที่เลย แล้วเป็นเคสที่ค่อนข้างป่วยหนัก ผู้ป่วยนอนอยู่ข้างถังขยะ หายใจอิดโรย ทันทีที่ไปถึงหัวหน้าโครงการก็เข้าไปพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้ป่วยและเกลี้ยกล่อมให้ไปรักษาตัว คำถามที่สำคัญของหัวหน้าโครงการคือ "ไปรักษาตัวนะ จะได้หายเจ็บ" ทันทีที่ผู้ป่วยตอบตกลงเราก็ติดต่อรถเพื่อนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลกว่าที่คุณหมอจะยอมนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา กว่าผลตรวจจะออก ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ซึ่งทำให้การลงพื้นที่ครั้งแรกของเรา ทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของโครงการผู้ป่วยข้างถนนเลยในทันที เมื่อถามถึงสิ่งที่ได้จากการฝึกงานที่มูลนิธิกระจกเงา กุ๊งกิ๊งบอกว่า มูลนิธิกระจกเงา คือกระจกใบใหญ่ที่สะท้อนอีกมุมของสังคม มุมที่ยังมีคนต้องการความช่วยเหลือ ทำให้พวกเราได้เห็นโลกใบใหม่แต่ไม่ใช่แค่เห็น มูลนิธิกระจกเงายังพาเราเข้าไปสัมผัส มูลนิธิกระจกเงาไม่ได้สอนแค่การทำงานแต่ยังสอนการใช้ชีวิตและสิ่งสำคัญที่สุดคือการสอนให้เห็นคุณค่าของคำว่า 'ให้' สอนให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สอนให้ช่วยเหลือสังคมมันคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนในมูลนิธิกระจกเงาเชื่อว่าสังคมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับและรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มากคือ 'มิตรภาพ' เป็นมิตรภาพที่ประทับใจที่สุดในชีวิต ทั้งเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันและพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคน เราใช้เวลารู้จักกันเพียงไม่นานแต่เรารู้สึกเหมือนรู้จักกันมาเป็นปี ทุกคนรักและเอ็นดูซึ่งกันและกัน ยามที่พวกเราเหนื่อย ก็จะคอยมีกำลังใจ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กันเสมอ มิตรภาพที่ได้รับจึงเป็นของขวัญที่มีค่าและนับเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิต
               ข้อความที่อยากฝากถึงน้องๆ 
คำว่า 'ฝึกงาน' ที่อื่นอาจจะได้แค่ การจำลองชีวิตการทำงานผ่านออฟฟิศหรือบริษัท แต่สำหรับมูลนิธิกระจกเงา จะเป็นการจำลองชีวิตหารทำงานผ่านสังคมจริงๆ ผ่านโลกกว้างและไม่ใช่แค่มองเห็น แต่เรายังได้เข้าไปสัมผัสกับความจริงอีกมุมหนึ่งของสังคม มูลนิธิกระจกเงาทำให้เรามีภูมิคุ้มกันกับความกลัวและความเหนื่อย ทำให้เรารู้จักทำเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง พอก้าวเข้ามาในมูลนิธิกระจกเงาแล้ว เราจะภูมิใจในคำว่า 'นักศึกษาบ้าฝึกงาน'




โดย น.ส.อมรรัตน์  เงินสูงเนิน
นักศึกษาฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา






ไม่มีความคิดเห็น: