วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

กีฬาสีกระจกเงา 2557

"บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้าม ถอยไปฉันคงเก้อ ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอ ไม่หนีไปเสียก่อน" 
กีฬาขอบคุณกองกำลัง นักศึกษาฝึกงาน 103 คน จากหลายสถาบันการศึกษา ที่มาร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมกับเราในเทอมนี้ครับ พวกเขาเบื้องหลัง กองหนุน กองเสริม กองหน้า ในภารกิจงานของเรา พวกเขาคือส่วนหนึ่งของ มูลนิธิกระจกเงาครับ












 นักศึกษาฝึกงานมูลนิธิกระจกเงา

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา

มันเป็นความเหงาเศร้าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก พ่อนั่งมองควันจากปลายเมรุล่องลอยไปบนฟ้ามองลูกที่กำลังไปอยู่บนนั่น มองความหลังที่เจ็บปวด มันเป็นความเศร้าเพียงลำพัง เหมือนวันแรกที่เขาออกตามหาลูกหลังจากตำรวจกลับไปแล้วในวันแรกที่เขาไปแจ้งความลูกหาย เขาปั่นจักรยานเก่าๆ ออกตามหาลูกตามลำพัง จนไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ชาวบ้านย่านนั้นสงสารรีบพาเขากลับไปโรงพัก เพื่อแจ้งความและตามเรื่องอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาช่วยตามหาลูก ชาวบ้านไม่ยอมแพ้ โทรมาแจ้งที่มูลนิธิกระจกเงา หลังจากนั้นตำรวจหลายหน่วยและนักข่าวเริ่มช่วยกันติดตามหา ตอนผมคุยกับตำรวจระดับผู้ใหญ่ ไม่มีใครทราบว่ามีเด็กหายเคสนี้เลย -- ผมก็เจ็บปวด ผมจำได้ว่า เคยมีข่าวว่าถ้าเด็กหายต้องรายงานด่วนไปยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องรายงานไปศูนย์คนหายของตำรวจ แสดงว่ามันไม่มีอยู่จริง หรือชีวิตของเด็กต่างด้าวมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป กล้องทีวี กล้องถ่ายภาพมากันล้นหลาม ในวันที่เอาสุนัขมาดมหาศพน้องในพื้นที่ มันเป็นการตรวจค้นที่ไม่ละเอียดเลย และไม่พบอะไรในครั้งแรก จากนั้นเหลือกล้องไม่กี่ตัวที่ยังตั้งคำถามและช่วยติดตามน้องอยู่ -- ผมสงสัยว่าถ้าไม่พบศพอันเป็นข่าวการตาย การติดตามหาเด็กที่กำลังหายอยู่จะสามารถเป็นข่าวได้มั้ย ? ผมเขียนข้อสังเกตุ เกือบสิบข้อ ไปถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เรื่องการค้นหาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าข้อเสนอนั้น ไม่ได้รับการตอบกลับ จนผมประสานไปยังตำรวจหน่วยงานหนึ่ง แล้วออกติดตามค้นหากันในพื้นที่กันอีกครั้ง สุดท้าย ศพน้องถูกอำพรางอยู่ในพื้นที่ ตอนนี้มีเพียงผู้สงสัย และไม่มีใครรับสารภาพ คนร้ายยังลอยนวล ตอนเหตุการณ์เด็กหายเสียชีวิตถึง 3 รายเมื่อปีที่แล้ว มีแต่คนบอกว่าขอให้เป็นรายสุดท้าย เหมือนเรื่องนี้เป็นวาระที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญ --- สุดท้ายพ่อแม่เด็กหายก็เดียวดายอยู่ดีเดียวดายในจุดเริ่มต้นและวาระสุดท้าย เป็นงานศพที่เงียบเหงาเดียวดายที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็น. 


วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

ความรู้สึกของ นศ.ฝึกงาน


          ฉันได้ไปลงพื้นที่กับโครงการผู้ป่วยข้างถนน เคสที่ได้ไปให้การช่วยเหลือนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน เธอชื่อแคท อายุประมาณ 30 ปี โรคสะเก็ดเงินกำเริบหนักขึ้น จนทำให้เธอเป็นอัมพฤกษ์ช่วงล่าง ช่วยเหลือตัวเองได้เพียงแค่หยิบจับสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว นอกจากที่เธอจะโดนโรคสะเก็ดเงินทำร้ายร่างกาย และแผลกดทับที่ทำให้เธอขยับตัวในแต่ละครั้งด้วยความเจ็บปวด เธอยังโดนทำร้ายทางใจ คือการถูกคนที่รักทอดทิ้ง โดยนำเธอมาทิ้งไว้ที่บ้านของคนที่อุปการะเธอตั้งแต่เด็กๆ เธอถูกแฟนทิ้งได้สามเดือนแล้ว และเป็นสามเดือนที่เธอต้องทนทุกข์อยู่กับโรค เธอเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก ผู้อุปการะเธอเลี้ยงดูเธอตามยถากรรม เธอร้องไห้ทุกครั้งที่เล่าเรื่องราวชีวิตของเธอที่ผ่านมา


          เมื่อเราเดินทางมาถึงก็พบเธอนอนอยู่บนเตียงกับร่างอันผอมบาง รอบๆเตียงและบนที่นอนมีแต่สะเก็ดผิวหนังที่หลุดลอก และถ้วยชามทั้งเก่าและใหม่วางทิ้งเอาไว้ เมื่อเธอเห็นพวกเรามาถึง เธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เธอบอกว่าในตอนแรกเธอหมดสิ้นกำลังใจแล้ว แต่เธอก็ยังมีความหวังว่ามูลนิธิกระจกเงา จะเข้ามาช่วยเหลือเธอ สีหน้าที่เบิกบาน และรอยยิ้มของเธอแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

          ฉันเข้าไปพูดคุยพูดเล่นกับเธอ ทุกครั้งที่เธอยิ้มและหัวเราะ มันทำให้ฉันต้องยิ้มตาม เธอเป็นคนสวย และมีรอยยิ้มที่สวยงาม ฉันได้แต่คิดในใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับเธอเลย ฉันรู้สึกว่าการที่เราได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้เธอนั้น ในทางกลับกันรอยยิ้มของเธอก็เป็นกำลังใจให้กับฉันและพี่ๆทุกคน ให้มีแรงใจในการทำงานต่อไป มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ การมาช่วยเหลือผู้ป่วยในเคสนี้แล้วนอกจากคำขอบคุณที่เธอมอบให้แก่พวกเราแล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณที่เธอมอบรอยยิ้มแห่งความสุขนั้นส่งกลับมา ทำให้พวกเรามีกำลังใจในการทำงาน และลืมความเหนื่อยล้าไปได้เลย



อรอนงค์ พิริยะวณิชย์
นิสิตชั้นปีที่3 นิเทศศาสตร์ ประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยบูรพา
นศ.ฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

ความรู้สึกของ นศ.ฝึกงาน

          ในการลงพื้นแต่ละครั้ง สิ่งที่ได้รับกับมาในแต่ละครั้งมันมีความหมายมาก บางเรื่องสอนให้เราเข้มแข็ง บางเรื่องทำให้เรามีกำลังใจในการทำอะไรหลายๆอย่างให้ประสบความสำเร็จ

          และในครั้งนี้ก็เช่นกัน กับรักแท้ของคุณตาและคุณยาย ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากว่า 60 ปี ช่วงหลายปีมานี้ที่คุณยายความจำไม่ดีเหมือนเช่นเดิม คุณตา ก็ใช้ชีวิตดูแลคุณยายอย่างไม่ห่างกายมาโดยตลอด
          "ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย" คุณตาเล่าไปหัวเราะไป ทำให้เราเห็นถึงความรักที่คุณตามีให้คุณยาย ทุกๆ มื้ออาหารคุณตาจะป้อนข้าวให้คุณยายกินก่อนทุกครั้ง คุณตาบอกว่าถ้าไม่ป้อนยายก็ไม่กิน

          เมื่อหันไปเห็นจานข้าวคุณตา เราก็ถามคุณตาว่า ทำไมคุณตาถึงยังไม่กินข้าว คุณตาตอบกลับมาว่า รอให้เขาอิ่มก่อนแล้วเราค่อยกินทีหลัง
ความรักที่คุณตามีให้คุณยายช่วยสอนให้เราเข้าใจอะไรในหลายๆอย่าง ความรักและกำลังใจที่มีจากคุณยายทำให้คุณตาเข้มแข็ง และอยากที่จะอยู่เพื่อดูแลคุณยายตลอดไป

          นอกจากอาหารและอากาศ ความรัก และกำลังใจ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ สามารถช่วยให้คนๆหนึ่งมีกำลังใจและแรงผลักดันที่จะสู้กับเรื่องราวร้ายต่างๆ ได้




เหมวรรณ มงคล นิสิตภาควิชานิเทศศาสตร์ ม.บูรพา
นศ.ฝึกงาน มูลนิธิกระจกเงา

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

มูลนิธิกระจกเงา รับบริจาคแสตมป์

โครงการ  “อ่านสร้างชาติ”  มูลนิธิกระจกเงา  ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในภารกิจของการส่งเสริมการอ่าน  ด้วยการเปิดรับบริจาคหนังสือดีเพื่อกระจายส่งมอบต่อไปยังห้องสมุดของโรงเรียนขนาดเล็ก  และชุมชนที่ขาดแคลน ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด  เราได้รับความร่วมแรงร่วมใจ จากผู้บริจาคหนังสือดี และ อาสาสมัคร ช่วยกันบริหารจัดการหนังสือผ่านกิจกรรม อาสาสมัคร คัด- คีย์- แพ็ค 

ในขั้นตอนของการส่งมอบหนังสือเราใช้วิธีจัดส่งทางพัสดุติดแสตมป์ส่งทางไปรษณีย์ซึ่งขั้นตอนนี้มีความจำเป็นต้องใช้แสตมป์ในการจัดส่งหนังสือครับ จึงขอประชาสัมพันธ์ในส่วนของการร่วมบริจาคสามารถร่วมบริจาคแสตมป์  ดวงละ 3,5,10 บาท  ส่งเสริมการอ่านให้กับเยาวชน  เด็ก และผู้ใหญ่  ได้มีโอกาสเข้าถึงหนังสือดีครับ  เพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างกว้างขวาง  #อ่านเพื่อการเปลี่ยนแปลง

ที่อยู่ในการจัดส่งทาง ไปรษณีย์   มูลนิธิกระจกเงา (บริจาคแสตมป์เลขที่ 191 ซอยวิภาวดี62 แยก4-7  ถนน วิภาวดีรังสิต แขวตลาดบางเขน  เขตหลักสี่ กทม.10210




วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ระบบกลไกช่วยเหลือผู้ป่วยข้างถนน



ระบบกลไกการช่วยเหลือผู้ป่วยข้างถนนในวันนี้...
โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา

-ประชาชนทั่วไปเมื่อเห็นผู้ป่วย //จะแจ้งใครดี ????

-ตำรวจเมื่อได้รับแจ้งจากประชาชนเมื่อเจอผู้ป่วย // จะทำอย่างไงดี เอาไปที่ไหนดี ไปโรงพยาบาลบางที่ก็ไม่รับเพราะไม่มีญาติ

-อาสากู้ภัยเมื่อได้รับแจ้งผู้ป่วยข้างถนน // อยากรับแต่ก็กลัวๆเพราะไม่มีทักษะเครื่องมือในการควบคุมผู้ป่วยจิตเวช ทั้งความปลอดภัยและข้าวของในรถเสียหาย

-พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ.สุขภาพจิตซึ่งมีหน้าที่มีเครื่องมือและทักษะเฉพาะในการควบคุมตัวผู้ป่วยออกจากพื้นที่ // ยังไม่มี

-โรงพยาบาลจิตเวชเมื่อได้รับผู้ป่วยข้างถนน // ในบางครั้งถึงขนาดปฎิเสธการรับรักษา เนื่องจากข้ออ้างผู้ป่วยไม่มีญาติ กระบวนการส่งกลับบ้านเมื่อผู้ป่วยสิ้นสุดการรักษามีปัญหาการละเอียดรอบคอบและการตรวจสอบสภาพบ้านสภาพครอบที่อยู่ปัจจุบันของผู้ป่วยว่ามีจริงมั้ยและครอบครัวมีสภาพแบบใด

-สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งภาครัฐเมื่อได้รับให้บริการผู้ป่วยข้างถนน // สถานสงเคราะห์มีจำนวนผู้รับบริการที่ล้นเกินขีดจำกัดของการให้บริการ อัตราส่วนของเจ้าหน้าที่กับผู้รับบริการมีสัดส่วนอยู่ที่ 1 ต่อ 50 ทำให้การดูแลและกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยไม่สามารถเป็นไปได้จริง

น่าตกใจอยู่ใช่มั้ยครับและไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผู้ป่วยข้างถนนถึงพบได้ทุกๆ 2 กิโลเมตร

#ระบบกลไกช่วยเหลือผู้ป่วยข้างถนน #ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ป่วยข้างถนน

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

อีกรุ่นผ่านไปกับ นักศึกษาฝึกงานโครงการ ngoscyber ปี 2556 มีพบก็ต้องมีจากก่อนจากเรามีการถอดบทเรียน นักศึกษาฝึกงาน ซึ่งจะทำกันทุกๆรุ่น

อีกรุ่นผ่านไปกับ นักศึกษาฝึกงานโครงการ ngos cyber ปี 2556 มีพบก็ต้องมีจาก แต่ก่อนจากเรามีการถอดบทเรียน นักศึกษาฝึกงาน ซึ่งจะทำกันทุกๆรุ่น และรุ่นนี้ก็เป็นการถอดบทเรียนเหมือนทุกรุ่นที่ผ่านมา สิ่งที่ได้ได้เสียงสะท้อนจากนักศึกษาฝึกงานในการฝึกงานที่นี่ ที่มูลนิธิกระจกเงา

เริ่มต้นส่วนใหญ่นั้นน้องๆ หลายๆ คน ที่มาอาจจะไม่เหมือนกัน บ้างก็มาจากรุ่นพี่แนะนำ เพื่อนแนะนำ หาที่ฝึกไม่ทัน เปลี่ยนที่ฝึกกระทันหัน ตั้งใจมาฝึกที่นี่โดยเฉพาะ ค้นเจอในอินเตอร์เน็ต แต่นั้นก็ไม่สำคัญสำหรับเราว่าจะนักศึกษาจะมาฝึกงานที่นี่ด้วยสาเหตุอะไร สิ่งที่พวกเราคิดว่าสำคัญคือ เมื่อน้องๆ มาฝึกงานที่นี้เขาจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเรา และเราจะได้อาสาสมัครในรูปนักศึกษาฝึกงานมาช่วยขับเคลื่อนงานองค์กรของเราให้เดินหน้า นักศึกษาฝึกงานก็เหมือนเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันงานหลายๆส่วนขององค์กรให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้

ส่วนเสียงที่น้องๆ สะท้อนออกมา หลังจากได้ฝึกงานที่มูลนิธิกระจกเงามาได้ระยะเวลาหนึ่ง บ้างก็ 3 เดือน บ้างก็ 4 เดือน เวลาเหมือนจะนานแต่แป๊บๆ เวลาผ่านไปไวมาก แต่ละวัน แต่ละเดือน เวลาเดินไปไวมากๆ

 น้องๆ หลายคนบอกกับเราว่าดีใจที่ได้มาฝึกงานที่นี่ สิ่งที่พวกเขาได้รับ นอกจากความรู้ในด้านเทคนิคเกี่ยวกับสายงานที่เรียนมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้คือมิตรภาพ ไม่ว่าจะจากพี่ จากเพื่อน มันเป็นมิตรภาพที่มีความรู้สึกผูกพันธ์กันมากในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือน ความเป็นอิสระ สบายๆ เป็นตัวของตัวเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้คือสังคม หลายๆ คนบอกว่า มุมมองของตนเองในด้านสังคมของเขาเปลี่ยนไป ข้อนี้เราคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นแสดงว่าเรามีคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสังคม กับเพื่อนร่วมสังคมเพิ่มขึ้น

ประโยคนี้เป็นบางประโยคที่น้องๆ ได้บอกกับเราไว้ในมุมมองด้านสังคมที่พวกเราได้เรียนรู้จากการฝึกงานที่นี่นอกเหนือจากประสบการด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เรียนมา

"จากประสบการณ์การลงพื้นที่กับโครงการอื่นๆ ที่ไม่ตรงกับหน้างานที่เรียนมา ได้มาเห็นเบื้องหลังของภาพที่แชร์ในเพจ facebook ขององค์กร ได้รู้ว่าแต่ละภาพนั้นไม่ได้มาง่ายๆ แต่มันมาจากการทำงานจริงๆ"

"ได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์ในการไปลงช่วยงานโครงการอื่น "

"ประทับใจความสัมพันธ์ภายในองค์กร เหมือนพี่เหมือนน้อง ดูเป็นกันเอง และรู้สึกดี ที่ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง ได้ลงพื้นที่ร่วมกับโครงการอื่นๆ ได้เกิดมุมมอง ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น ทำให้มุมมองในสังคมเปลี่ยนไป "

"เปลี่ยนมุมมองด้านสังคมเยอะเหมือนกัน เช่นผู้ป่วยข้างถนน ก่อนหน้านี้เราคิดว่าเขาคือคนบ้า แต่พอได้ไปลงพื้นที่ครึ่งหนึ่งแล้วทำให้สัมผัสได้ว่า เขาไม่ใช่คนบ้าเขาก็คือคนเหมือนกัน เพียงแต่เขาเป็นผู้ป่วยคนหนึ่งเท่านั้นเอง"




ภาพประกอบอาจจะไม่ครบทุกคน และมี นักศึกษาฝึกงานโครงการอื่นๆ ด้วย เพราะมิตรภาพที่น้องๆได้รับคือเพื่อนนักศึกษาฝึกงานด้วยกันถึงแม้จะฝึกอยู่คนละโครงการก็ตามค่ะ

By พี่เจี๊ยบ NgosCyber

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

อ่านสร้างชาติ

    โครงการอ่านสร้างชาติได้ดำเนินการนำ ตู้หนังสือเย็นๆ  ที่ได้ทำการดัดแปลงจากตู้เย็นที่ไม่สามารถนำมาใช้ต่อได้ให้เกิดประโยนช์ โดยการนำ ตู้เย็น ที่ได้จากการบริจาค มาใส่ชั้นวางที่เป็นไม้ ตกแต่งสีภายนอกให้ดูสวยงาม โครงการอ่านสร้างชาติได้นำ ตู้หนังสือเย็นๆ นี้ไปวางให้ผู้คนทั่วไปได้หยิบหนังสือมาอ่านกันได้แล้วนะครับ 


นี้ก็เป็นภาพส่วนหนึ่งที่ได้นำ ตู้หนังสือเย็นๆ ไปลงพื้นที่มาครับ



















วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

ที่พึ่ง...

ที่พึ่ง...



เช้าตรู่ชาวบ้านชนเผ่าครอบครัวหนึ่ง ในชุมชนในชุมชนที่ไม่อยากไกลนักจากมูลนิธิ 
เธอเดินทางมารอพบ เจ้าหน้าที่ของเราเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องดวงตาของเธอ 
เมื่อ 4 วันก่อนเธอประสบอุบัติเหตุจากการทำงานตัดกระเบื้อง เศษของใบตัดแตกกระเด็นเข้าดวงดาของเธอ หมอบอกว่าไม่สามารถรักษาได้แล้วต้องเสียดวงตาข้างนั้นไป ทุกข์ของชาวบ้านแบบนี้มีเกือบทุกวันเพราะบริบทของกลุ่มชนเขาที่ต้องเข้าไปเป็นแรงงานรับจ้างในเมืองใหญ่...


บทความและภาพประกอบด้านบนนั้นเป็นอีกมุมมองหนึ่ง ของกระจกเงาเชียงราย 

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

นศ. บ้าฝึกงาน .........


"นศ. บ้าฝึกงาน" คำคำนี้มักจะได้ยินจากน้องๆ นศ. ฝึึกงาน ที่เลือกมาฝึกงานที่มูลนิธิกระจก ด้วยการค้นเจอในอินเตอร์เน็ตแล้วมาสะดุดกับคำ คำนี้ "นศ. บ้าฝึกงาน"

นักศึกษาฝึึกงานสำหรับ มูลนิธิกระจกเงานั้น เราถือว่าเป็นอาสาสมัครสำหรับกระจกเงาด้วย
เพราะว่านอกจากน้องๆ นศ.ฝึกงาน จะได้ฝึกงานในสายงานที่ตนเองเลือกที่จะลงฝึกงานแล้ว
น้องๆก็ยังเป็นกำลังเสริมของ จนท.ได้หมุนเวียนไปช่วยกิจกรรมอื่นๆขององค์กรด้วย

ที่กระจกเงาเรามีหน้างานหลายโครงการที่ต้องใช้กำลังคนในการลงพื้นที่ หรือใช้กำลังคนในการจัดการ ในขณะที่ จนท.ของเราเอง มีแผนกหนึ่งไม่เกิน 4คน บางโครงการมี. จนท.เพียงคนเดียว บางโครงการมีเยอะขึ้นมาหน่อย 2คน ^^"
ดังนั้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือช่วง Summer จึงเป็นช่วงนาทีทองที่มีกำลังคนมาช่วยหนุนเสริมเราเป็นอย่างดี

ทุกๆวันตอนเย็นเวลา4โมงเย็นที่กระจกเงาจะมีชั่วโมงลงแรง หรือชั่วโมงอาสา หรือน้องๆบางคนแอบเรียก ชั่วโมงฟิสเนส ให้ นศ.ฝึกงาน และเจ้าหน้าที่มารวมตัวกันเพื่อลงมือลงแรงทำหน้างานที่ต้องใช้กำลังคน

น้องๆหลายๆคนบอกว่าไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนทำเรามาทำช่วยกันทำแป๊บเดียวก็เสร็จก็สนุกไปอีกแบบ
แต่ช่วงไหนคนน้อยก็เล่นเอาอวมกันไปตรมๆกันทั้งพี่ทั้งน้อง ^^"

ภาพประกอบด้านล่างนี้บังเอิญไปเปิดเจอใน Facebook เป็นภาพที่น้องๆนศ. ฝึกงานในช่วง Summer ของปี 2555ที่กำลังช่วยกัน ทำความสะอาดและทาสีห้อง ในช่วงที่มูลนิธิกระจกเงาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่วิภาวดี62ใหม่ๆ มองแล้วก็ชื่นใจ น้องๆ ทำไปยิ้มไป หัวเราะไปทั้งๆที่งานช่วงนั้นทั้งร้อนและเหนื่อย ^^"

แต่นอกเหนือจากกิจกรรมลงแรงแล้ว เราก็ยังมีกิจกรรมสันทนาการอื่นๆสำหรับ นศ.ฝึกงาน. รวมถึงมีกิจกรรมส่งเสริมให้น้องๆได้เล่นกีฬาสานความสัมพันธ์และเพื่อสุขภาพด้วย เดี๋ยวจะหาภาพตัวอย่างมาให้ได้ดูกัน




นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2555

.............

มาเพิ่มเติมส่วน ตัวอย่าง กิจกรรมอื่นๆที่น้องๆ นศ ฝึกงานของเราได้ร่วมทำกันค่ะ ^^

ภาพนี้เป็นภาพกิจกรรมชั่วโมงลงแรง ตอน 4 โมงเย็น จะมีทั้งพี่และน้องๆนศ ฝึกงาน มาช่วยกันทำกิจกรรมที่เรียกว่าลงแรง ซึ่งกิจกรรมแต่ละวันนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างภาพด้านล่างนี้เป็นภาพที่ทุกคนระดมแรงมาช่วยกันคัดแยกหนังสือ แบ่งประเภทหนังสือ เพื่อคัดหนังสือดีให้น้องๆที่อยู่ต่างจังหวัดได้อ่านกัน หรือเป็นหนังสือที่หมุนเวียนไปไว้ที่จุดบริการตู้หนังสือเย็นๆ ตามวินมอเตอร์โซต์ของโครงการอ่านสร้างชาติ งานนี้ก็ได้ได้ทั้งเหงื่อและมิตรภาพที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2556

ส่วนภาพด้านล่างนี้ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น้องๆ ให้ความร่วมมือร่วมใจกันในการช่วยประชาสัมพันธ์ร้านแป่งปันของมูลนิธิกระจกเงาให้บุคคลในชุมชนที่อยู่ใกล้เคืองเราได้รู้จัก อยากบอกว่าชุดสีสันโดนใจมากค่ะ ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่เห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้วบ่งบอกได้ว่าทุกคนมีความสุขที่ได้ทำ ^^

นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2556

ส่วนด้านล่างสองภาพนี้เป็นภาพกิจกรรมที่น้องๆ นศ.ฝึกงานได้ทำกิจกรรมสันทนาการตอนเย็นในชั่วโมง นศ.ฝึกงาน กันสนุกสนาน กันเลยทีเดียวค่ะ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่จะทำให้น้องๆ ได้ทำความรู้จักกันเร็วขึ้น เนื่องจาก นศ. ฝึกงานนั้นมาจากหลายสถาบัน หลายจังหวัด ต่างภูมิภาค การที่มีกิจกรรมอะไรสนุกๆ ได้ทำร่วมกันก็เป็นการเปิดหน้าต่างของตัวเองกับเพื่อนร่วมงานได้ค่ะ

นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2555
นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2555

และสุดท้ายนี้เป็นภาพกิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้องที่ถ่ายรูปร่วมกันหลังปิดงานกีฬา ซึ่งปีนั้นเราแข่งฟุตบอลและแชร์บอลกันค่ะ

นศ. ฝึกงานภาคฦดูร้อน ปี 2555







คู่มือการใช้ Mirror Blog เบื้องต้น

นี้คือคู่มือการเข้าใช้การเขียนของเว็บ Mirror Blog เบื้องต้นให้

ขั้นตอนที่ 1

   

ขั้นตอนที่ 2

ขั้นตอนที่ 3

ขั้นตอนที่ 4

ขั้นตอนที่ 5

หมายเหตุ: ในกรณีที่ยังเขียนบทความไม่สมบูรณ์ให้กดที่ "บันทึก" ไว้ก่อน
                  ระบบจะจัดการให้เป็น ฉบับร่าง

ขั้นตอนที่ 6